ตอนที่แล้วผมกล่าวถึงการสะสมหุ้น และวัฐจักรการหมดรอบของหุ้น อย่าลืมว่ากลยุทธิ์แต่ละอย่างแต่ละตอน ใช้ไม่ได้กับหุ้นทุกตัว และใช้ไม่ได้ในทุกโอกาส ต้องมีการพลิกแพรงและปรับใช้ในแต่ละเวลานั้น ๆ ที่สำคัญ ผู้ลงทุนต้องติดตามสถานการณ์บ้านเมือง ข่าวสารบริษัท รวมถึงข่าวสารอื่น ๆ ทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด
ทำไมล่ะ!! ก็เพราะข่าวสารคือปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อ-ขาย ของนักลงทุนส่วนใหญ่ ข่าวดีมาก็แห่ซื้อ ข่าวร้ายมาก็แห่ขาย โดยเฉพาะช่วงนี้โบรกเกอร์ต่าง ๆ แนะนำให้ลดพอร์ตแล้วถือเงินสด เคยมีนักลงทุนชั้นเซียนกล่าวไว้ว่า "ถ้าหุ้นเล็กวิ่งกันเต็มกระดานเมื่อไร แสดงว่าหมดรอบ" แต่เดี๋ยวครับ !! ในเมื่อมีวิกฤติ ก็ย่อมมีโอกาส อย่าเพิ่งท้อ ฉะนั้นหุ้นเล็ก ๆ หลายตัวก็ต้องเล่นช่วงนี้แหระ
ท่านลองหาดูดี ๆ ครับ!!
การสะสมหุ้นนั้นบางทีเจ้ามือก็รอไม่ไหวเช่นกัน ก็รายย่อยบางส่วนไม่ยอมปล่อยของออกจากมือ ท่องคำอดีตนายก (ดีไม่ดีคิดกันเอาเอง) ว่า " หุ้น ไม่ขายไม่ขาดทุน " เออ เอาสิ แล้วทำไงล่ะ!! ไม่ยากครับก็สวิงขึ้นลงสักหน่อย ทำท่าจะขึ้น แล้วก็ไม่ขึ้นอยู่แบบนั้นสัก 5 เที่ยว 10 เที่ยว ให้ลู้น... สุดท้ายก็ยอมถอดใจ โยนทิ้ง!! ในที่สุด แถมมีย่อยอื่นมาสมทบอีก หุ้นบางตัวเจ้าเลยกดลงไปอีกสัก 5-6 ช่อง เพื่อสยบรายย่อยที่เข้าไปพัวพัน
การเล่นหุ้นที่ประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือเวลาและการรอคอย หุ้นในกระดานมีเจ้าภาพเกือบทั้งนั้น ตัวที่ไม่มีเจ้ามือแทบไม่เห็น ฉะนั้นการเล่นและการซื้อต้องคิดแบบ "เจ้ามือ" คิดไงฟ่ะ!!! ก็แบบที่ผมเขียนให้ท่านอ่านนี่ยังไงล่ะครับ สังเกตุ หาข้อมูล แล้วซื้อ หลังจากนั้นรอ ๆ ๆ
การซื้อให้ทยอยซื้อ อย่ายกที่เดียว เหตุเพราะว่าหุ้นจะสวิงลงบ้างขึ้นบ้าง ก็ทำให้เราได้ราคาเฉลี่ยของเจ้ามือในที่สุด ส่วนแล้วรอแค่ใหน ต้องถามท่านว่ารอได้แค่ใหนเช่นกัน ถ้าเป็นปีล่ะก็ ท่านเล่นหุ้นได้ เพราะเงินที่นำมาลงนั้นเย็นจริง ๆ แต่ถ้าไม่ อาจจะยากหน่อย ต้องสังเกตุและเล่นตามรอบจริง ๆ
นี่เป็นเทคนิคที่ผมทำอยู่ หลายตัวรอนาน บางตัวรอไม่นาน แต่ส่วนใหญ่กำไร หลายตัวที่ไม่กำไรก็เพราะขายเอาไปโป๊ะหุ้นที่กำลังจะวิ่ง แบบนี้ยอมขายขาดทุน ราคาใหนก็ยอม พอตัวที่ซื้อวิ่งจนพอใจก็ขาย แล้วกลับมาซื้อตัวเก่าคืน!!! แล้วรอต่อไป
การเลือกหุ้นควรจะเลือกที่จำนวนหุ้นไม่มาก และไม่น้อยเกินไป ส่วนตัวผมเล่นหุ้นที่ไม่เกิน 300 ล้านหุ้น หุ้นจะน้อย ลากและทำราคาง่าย รอบจะนาน ๆ มาที แต่มาทีจะอร่อยมาก (% กำไรเยอะ)
แล้วอย่าลืมว่า หลังจากกำไรแล้วให้แบ่งไปซื้อหุ้นปันผลดี ๆ ถือทิ้งไว้บ้าง
เล่นหุ้นปีละ 2-3 ครั้งก็รวยได้!!! เขาจะรอจนมี panic sale เขาขายทิ้งกันแหลก ไม่สนว่าพื้นฐานดีแค่ใหน ขอเอาเงินสดกลับก่อน ซึ่งก็ทำให้คนอื่น ๆ ตกใจ ยอมขายเช่นกัน ฉะนั้นถ้ามีเงินเย็นให้รอจังหวะนั้น แล้วค่อยเก็บของเข้าพอร์ต เขาเรียกว่าต่อยน้อยทีแต่หนัก ไม่ปล่อยหมัดบ่อย ๆ มันเหนื่อย (เสียค่าคอมมาก!!) หาหุ้นพื้นฐานดี ๆ เก็บเข้าพอร์ตตอนนี้แหระครับ...
คงมีคนอยากรู้ว่าเทคนิคการขาย ขายอย่างไรไม่ขายหมู!! ติดตามตอนต่อไปครับ...
หุ้นดี ๆ
วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
หุ้นนอกตำรา ตอนที่ 1.
หุ้นนอกตำรา!!
งงตัวเองอยู่ว่าทำไมตั้งหัวข้อแบบนี้? อืม ก็เพราะที่ผมจะเขียนนี่ก็เพราะผมใช้ไม่เหมือนในตำราที่เขาวางขายกันยังไงล่ะ!!
ทำไมนะรึ ก่อนอื่นผมขอกล่าวถึงหุ้นก่อนว่า การเล่นหุ้นนั้น นักลงทุนทุกผู้ทุกนามล้วนแต่ต้องการเงิน ท่านผู้อ่านก็ด้วยใช่มั้ยล่ะที่ต้องการเงิน งั้นคงไม่เข้ามาอ่านบล็อกของผม 555 นั่นแหระครับประเด็น!! ในเมื่อรายย่อย รายใหญ่ กองทุน สถาบัน ทั้งต่างชาติ ในประเทศนั้นล้วนแล้วแต่ต้องการเงินของกันและกัน แล้วใครล่ะ จะเป็นผู้ชนะ กลยุทธิ์ ร้อยเล่ห์ เพทุบายต่างสรรค์หามาหลอกล่อ หลอกลวงกันไม่เว้นวัน
ผมขอไม่กล่าวถึง BV P/E แนวรับแนวต้าน และอื่น ๆ ทั้งสั้น เพราะที่ผมจะบอกท่านนั้น มันเป็นจิตวิทยาล้วน ๆ ส่วนแนวรับแนวต้าน กราฟต่าง ๆ มันสร้างได้ ถ้าผมเป็นเจ้ามือผมจะทำให้กราฟมันน่าซื้อ น่าขาย ผมทำได้หมดหล่ะครับ เพราะหุ้นอยู่ในมือผมเกือบจะทั้งหมด...
จากข้างต้นถ้าผมมีหุ้นในมือ 200 ล้านหุ้น ในจำนวนนี้อาจจะแบ่งไปอยู่รายย่อยอื่น ๆ สัก 1-5 % แต่ผมไม่สน เพราะผมต้องการชนะรายย่อยส่วนใหญ่ ไม่ใช่ชนะรายย่อยทั้งหมด !!! (จำไว้ นี่คือโอกาสของเรา)
ก่อนอื่นขอกล่าวการสะสมหุ้นในตอน 1. นี้ก่อน เพราะหุ้นเป็นวัฐจักรและรอบ ฉะนั้นหลังจากหมดรอบไปแล้ว ก็ถึงเวลาสะสมหุ้นคืน โดยออกข่าวบ้าง อิงกระแสข่าวจากตลาดหุ้นต่างประเทศ เศรษฐกิจชลอตัว บริษัทขาดทุน อะไรก็ช่าง แต่ราคาได้ลดลงมาจนเจ้ามืออย่างผมพอใจ.. มันลดได้อย่างไรล่ะ ก็ด้วยฝีมือผมล้วน ๆ แต่... ผมไม่ใช่คนทำ!!! อ้าว มรึงไม่ทำแล้วใครทำ ก็ผมนี่แหระ เพียงแต่ผมไม่ได้ทำเอง ผมใช้นอมินีของผม ซึ่งได้เปิดพอร์ตไว้หลายๆ พอร์ต โยนหุ้นกันไปมา ไม่ต่ำกว่า 20 บัญชี ซ้ายโยนใส่ขวา ขวาโยนใส่มือซ้าย แต่ก็สร้างราคาให้ร่วงไปจนติดดิน นั่นแหระผมถึงจะพอใจ แล้วก็ทิ้งไว้แบบนั้น ตั้ง bid น้อย ๆ สักแค่ช่องละ 10000-100000 หุ้นพอ แต่ offer วางไว้หลักล้าน ถึง 2 ล้านหุ้น แค่นี้รายย่อยก็ปอดแหก คิดว่าคงจะขึ้นไปยากแล้วหล่ะราคา เพราะมีคนอยากขายอื้อแบบนี้ คนซื้อก็ไม่มีเลย แบบนี้รอไปคงนานแสนนาน หรืออาจจะหมดอนาคตแล้วก็ได้ ผสมกับข่าวร้าย ๆ มาเติมให้ทุกเดือน
ขอเน้นครับว่าจุดสำคัญในการสะสมหุ้น หรือการเก็บหุ้นคืนนั้น รายใหญ่หรือเจ้ามือจะใช้เวลา ซึ่งเป็นปี หรืออาจจะสองปี ขึ้นกับว่า "จำนวนหุ้นรอบก่อนหน้า ปล่อยได้น้อยมากเพียงใด ประกอบกับหุ้นที่เก็บคืนนั้น กลับมาเร็วเพียงใด เพราะถ้าย่อยที่พอร์ตใหญ่ๆ ปล่อยคืน(ยอม cut loss ) ออกมาเร็ว หุ้นตัวนั้นก็จะกลับขึ้นไปเร็ว แต่เดี๋ยวก่อน เร็วในที่นี้ก็ต้องอิงกับตลาดหุ้น กับช่วงโอกาสของบริษัทนั้น ๆ คงจะนึกอยากปั่น อยากสร้างราคาไม่ได้ง่ายๆ เป็นแน่
ขอย้อนกลับไปตรงการวาง bid-offer นิดนึง การวางที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นนั้น มันจะเป็นจิตวิทยามวลชนอย่างหนึ่งคือ มีแต่คนอยากขาย (และก็โยนขายโชว์ด้วย) ไม่มีคนซื้อหรือซื้อน้อยมาก เพราะผมก็ต้องมองแล้วว่าการเอา offer เยอะ ๆ มาวางนั้น ใครมันจะบ้าซื้อ ยกเว้นพวกที่รู้ทัน ในทางจิตวิทยาอาจจะรู้แต่ก็ไม่ซื้อ เพราะไม่อยากรอ ไม่รู้อีกกี่เดือนกี่ปีจะขยับขึ้นไปอีก
เล่นหุ้นต้องอยู่ต้นน้ำ ไม่งั้นต้นทุนคุณจะสูงกว่าคนอื่น และขาดความมั่นใจ เมื่อหุ้นเกิดอาการสวิงราคา การซื้อต้นน้ำคือการซื้อเมือ่มีระยะสะสมอย่างเห็นได้ชัด แต่ระยะและช่ว่งใหนควรซื้อ ผมจะบอกในตอนต่อ ๆ ไปครับ
หุ้นถูกหรือแพง!! (สไตล์หุ้นปั่น) บอกไม่ได้ครับ บางตัววิ่งจาก 7 บาทไป 54 บาท ก็ยังมีคนไล่ซื้ออยู่เลย หุ้นบางตัวจาก 10 สตางค์ วิ่งขึ้นมาเกือบ 1 บาท ก็ยังคิดว่าราคาถูก แบบนี้ก็หลงทางเจ้ามือเช่นกัน กลยุทธิ์หนึ่งที่ทำให้หุ้นดูเหมือนราคาถูกคือการแตกพาร์ ซึ่งพาร์ 1 บาท หรือ 5 บาท รวททั้ง 10 บาทจะดูง่ายที่สุด แต่บ่ะเจ้า มีบางบริษัท พาร์ 0.1 บ้าง 0.25 บ้าง บางตัวมีเศษทศนิยมอีก ดูแล้วงง ๆ กับกลยุทธ์ของเจ้ามือรายนี้ แต่ก็ใช้ได้ผลในตลาดบ้านเรา
ขอจบตอน 1. ไว้แค่นี้ เพราะตลาดเปิดแล้ว พรุ่งนี้ถ้ามีเวลาจะมาต่อตอน 2. ครับ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นตอนสั้น ๆ สัก 20-30 ตอน แต่ก็ให้ไว้เพื่อเป็นวิทยาทานครับ
งงตัวเองอยู่ว่าทำไมตั้งหัวข้อแบบนี้? อืม ก็เพราะที่ผมจะเขียนนี่ก็เพราะผมใช้ไม่เหมือนในตำราที่เขาวางขายกันยังไงล่ะ!!
ทำไมนะรึ ก่อนอื่นผมขอกล่าวถึงหุ้นก่อนว่า การเล่นหุ้นนั้น นักลงทุนทุกผู้ทุกนามล้วนแต่ต้องการเงิน ท่านผู้อ่านก็ด้วยใช่มั้ยล่ะที่ต้องการเงิน งั้นคงไม่เข้ามาอ่านบล็อกของผม 555 นั่นแหระครับประเด็น!! ในเมื่อรายย่อย รายใหญ่ กองทุน สถาบัน ทั้งต่างชาติ ในประเทศนั้นล้วนแล้วแต่ต้องการเงินของกันและกัน แล้วใครล่ะ จะเป็นผู้ชนะ กลยุทธิ์ ร้อยเล่ห์ เพทุบายต่างสรรค์หามาหลอกล่อ หลอกลวงกันไม่เว้นวัน
ผมขอไม่กล่าวถึง BV P/E แนวรับแนวต้าน และอื่น ๆ ทั้งสั้น เพราะที่ผมจะบอกท่านนั้น มันเป็นจิตวิทยาล้วน ๆ ส่วนแนวรับแนวต้าน กราฟต่าง ๆ มันสร้างได้ ถ้าผมเป็นเจ้ามือผมจะทำให้กราฟมันน่าซื้อ น่าขาย ผมทำได้หมดหล่ะครับ เพราะหุ้นอยู่ในมือผมเกือบจะทั้งหมด...
จากข้างต้นถ้าผมมีหุ้นในมือ 200 ล้านหุ้น ในจำนวนนี้อาจจะแบ่งไปอยู่รายย่อยอื่น ๆ สัก 1-5 % แต่ผมไม่สน เพราะผมต้องการชนะรายย่อยส่วนใหญ่ ไม่ใช่ชนะรายย่อยทั้งหมด !!! (จำไว้ นี่คือโอกาสของเรา)
ก่อนอื่นขอกล่าวการสะสมหุ้นในตอน 1. นี้ก่อน เพราะหุ้นเป็นวัฐจักรและรอบ ฉะนั้นหลังจากหมดรอบไปแล้ว ก็ถึงเวลาสะสมหุ้นคืน โดยออกข่าวบ้าง อิงกระแสข่าวจากตลาดหุ้นต่างประเทศ เศรษฐกิจชลอตัว บริษัทขาดทุน อะไรก็ช่าง แต่ราคาได้ลดลงมาจนเจ้ามืออย่างผมพอใจ.. มันลดได้อย่างไรล่ะ ก็ด้วยฝีมือผมล้วน ๆ แต่... ผมไม่ใช่คนทำ!!! อ้าว มรึงไม่ทำแล้วใครทำ ก็ผมนี่แหระ เพียงแต่ผมไม่ได้ทำเอง ผมใช้นอมินีของผม ซึ่งได้เปิดพอร์ตไว้หลายๆ พอร์ต โยนหุ้นกันไปมา ไม่ต่ำกว่า 20 บัญชี ซ้ายโยนใส่ขวา ขวาโยนใส่มือซ้าย แต่ก็สร้างราคาให้ร่วงไปจนติดดิน นั่นแหระผมถึงจะพอใจ แล้วก็ทิ้งไว้แบบนั้น ตั้ง bid น้อย ๆ สักแค่ช่องละ 10000-100000 หุ้นพอ แต่ offer วางไว้หลักล้าน ถึง 2 ล้านหุ้น แค่นี้รายย่อยก็ปอดแหก คิดว่าคงจะขึ้นไปยากแล้วหล่ะราคา เพราะมีคนอยากขายอื้อแบบนี้ คนซื้อก็ไม่มีเลย แบบนี้รอไปคงนานแสนนาน หรืออาจจะหมดอนาคตแล้วก็ได้ ผสมกับข่าวร้าย ๆ มาเติมให้ทุกเดือน
ขอเน้นครับว่าจุดสำคัญในการสะสมหุ้น หรือการเก็บหุ้นคืนนั้น รายใหญ่หรือเจ้ามือจะใช้เวลา ซึ่งเป็นปี หรืออาจจะสองปี ขึ้นกับว่า "จำนวนหุ้นรอบก่อนหน้า ปล่อยได้น้อยมากเพียงใด ประกอบกับหุ้นที่เก็บคืนนั้น กลับมาเร็วเพียงใด เพราะถ้าย่อยที่พอร์ตใหญ่ๆ ปล่อยคืน(ยอม cut loss ) ออกมาเร็ว หุ้นตัวนั้นก็จะกลับขึ้นไปเร็ว แต่เดี๋ยวก่อน เร็วในที่นี้ก็ต้องอิงกับตลาดหุ้น กับช่วงโอกาสของบริษัทนั้น ๆ คงจะนึกอยากปั่น อยากสร้างราคาไม่ได้ง่ายๆ เป็นแน่
ขอย้อนกลับไปตรงการวาง bid-offer นิดนึง การวางที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นนั้น มันจะเป็นจิตวิทยามวลชนอย่างหนึ่งคือ มีแต่คนอยากขาย (และก็โยนขายโชว์ด้วย) ไม่มีคนซื้อหรือซื้อน้อยมาก เพราะผมก็ต้องมองแล้วว่าการเอา offer เยอะ ๆ มาวางนั้น ใครมันจะบ้าซื้อ ยกเว้นพวกที่รู้ทัน ในทางจิตวิทยาอาจจะรู้แต่ก็ไม่ซื้อ เพราะไม่อยากรอ ไม่รู้อีกกี่เดือนกี่ปีจะขยับขึ้นไปอีก
เล่นหุ้นต้องอยู่ต้นน้ำ ไม่งั้นต้นทุนคุณจะสูงกว่าคนอื่น และขาดความมั่นใจ เมื่อหุ้นเกิดอาการสวิงราคา การซื้อต้นน้ำคือการซื้อเมือ่มีระยะสะสมอย่างเห็นได้ชัด แต่ระยะและช่ว่งใหนควรซื้อ ผมจะบอกในตอนต่อ ๆ ไปครับ
หุ้นถูกหรือแพง!! (สไตล์หุ้นปั่น) บอกไม่ได้ครับ บางตัววิ่งจาก 7 บาทไป 54 บาท ก็ยังมีคนไล่ซื้ออยู่เลย หุ้นบางตัวจาก 10 สตางค์ วิ่งขึ้นมาเกือบ 1 บาท ก็ยังคิดว่าราคาถูก แบบนี้ก็หลงทางเจ้ามือเช่นกัน กลยุทธิ์หนึ่งที่ทำให้หุ้นดูเหมือนราคาถูกคือการแตกพาร์ ซึ่งพาร์ 1 บาท หรือ 5 บาท รวททั้ง 10 บาทจะดูง่ายที่สุด แต่บ่ะเจ้า มีบางบริษัท พาร์ 0.1 บ้าง 0.25 บ้าง บางตัวมีเศษทศนิยมอีก ดูแล้วงง ๆ กับกลยุทธ์ของเจ้ามือรายนี้ แต่ก็ใช้ได้ผลในตลาดบ้านเรา
ขอจบตอน 1. ไว้แค่นี้ เพราะตลาดเปิดแล้ว พรุ่งนี้ถ้ามีเวลาจะมาต่อตอน 2. ครับ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นตอนสั้น ๆ สัก 20-30 ตอน แต่ก็ให้ไว้เพื่อเป็นวิทยาทานครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)